คราวนี้เมื่อแบบวัดตัวตัดมีราคาแพง แต่แบบสำเร็จรูปมีราคาถูกลง คนจึงหันมาเล่นแบบ
สำเร็จรูปมากขึ้น ซึ่งจักรยานพวกนี้จะคล้ายกับเสื้อผ้าสำเร็จรูปเช่นกัน คือทำมาเป็นขนาดแบบ
คร่าวๆ เช่น eXtraSmall , Small , Medium , Large , eXtraLarge ซึ่งแต่ละขนาดก็จะ
เหมาะสมกับคนที่มีความสูงอยู่ในช่วงที่เขากำหนด โดยที่ผู้ผลิตจะวัดสัดส่วนของประชากรใน
แต่ละกลุ่มช่วงความสูงนั้นๆแล้วจึงนำมาคำนวณหาค่าเฉลี่ย เพื่อจะได้จักรยานที่มีขนาดความ
ยาวของท่อต่างๆใกล้เคียงกับสัดส่วนของคนในกลุ่มนั้นๆมากที่สุด ซึ่งในแต่ละยี่ห้อจะแตกต่าง
กันไปตามgeometry ที่เขาออกแบบไว้ และอาจจะแตกต่างกันในเรื่องของขนาดช่วงความสูง
อีกด้วย ซึ่งคล้ายๆกับเสื้อผ้าสำเร็จรูปนั่นแหละครับ
การกำหนดขนาดของจักรยานโดยการวัดความยาวของท่ออาน (seat tube) จากจุดกึ่ง
กลางของกระโหลก(bottom bracket)ไปยังสุดปลายของท่ออานหรือที่เรียกว่าCenter to top
ได้เป็นที่นิยมกันในหลายๆยี่ห้อ ซึ่งถ้าเป็นจักรยานในสมัยก่อนคงจะกะขนาดได้ไม่ยากนัก
เพราะส่วนปลายของท่ออานจะโผล่พ้นขอบบนของท่อบน(top tube)ออกมาเพียงเล็กน้อย แต่
สำหรับเสือภูเขาในปัจจุบันคงจะบอกยากสักหน่อย เพราะว่าแต่ละยี่ห้อนั้นปลายของท่ออานที่
โผล่พ้นออกมาจากขอบบนของท่อบนมีความสั้นยาวที่แตกต่างกันมาก จึงทำให้ไม่สามารถกะ
เกณฑ์ได้ว่าเฟรมขนาดเดียวกันในต่างยี่ห้อจะมีขนาดใกล้เคียงกันหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในบางยี่ห้อก็ยังมีการวัด
ขนาดของจักรยานที่แตกต่างกันออกไป โดย
จะวัดจากกึ่งกลางกระโหลก ไปยังกึ่งกลางของ
ท่อบนตรงส่วนที่มาเชื่อมติดกับท่ออาน ซึ่งจะ
เรียกกันว่า Center to center แล้วนอกจาก
นี้บางยี่ห้อที่ท่อบนมีขนาดใหญ่ ก็อาจวัดจาก
กึ่งกลางกระโหลก ไปยังขอบบนของท่อบนตรง
ส่วนที่มาเชื่อมติดกับท่ออาน ถ้าเราจะเรียกว่าCenter to top of top tube ก็คงได้ครับ
ดังนั้นจักรยานที่ต่างยี่ห้อกันเราอาจไม่รู้เลยว่าขนาดจะแตกต่างกันอย่างไรถ้าไม่รู้วิธีใน
การวัด เช่น DBR 16"กับTrek 16.5" ถ้าเอามาเทียบกันจะพบว่าDBR 16"มีขนาดใหญ่กว่า
Trek 16.5 "อย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้เพราะDBR วัดจากCenter to center แต่Trek วัดจาก
Center to top