ใครที่ไปค้นเจอสินค้าบนอีเบย์แล้วยังกล้าๆกลัวๆอยู่ว่าจะซื้อดีหรือไม่ดี คนขายจะโกงเราหรือไม่ ลองอ่านบทความนี้ดูนะครับ
บน อีเบย์มีสินค้าให้เราเลือกซื้อเยอะก็จริง แต่อย่าได้เห็นแก่ “ราคาถูก” ที่ล่อตาล่อใจเพียงอย่างเดียว ก่อนซื้อให้เลือกดูปัจจัยอื่นประกอบด้วยนะครับ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังเรื่องโดนคนขายโกง หรือสินค้าไม่ตรงตามต้องการ ข้อควรพิจารณาก่อนซื้ออย่างคร่าวๆ มีดังนี้ครับ
1. ดู Feedback หรือแต้มคะแนนความเห็นของคนขายเสียก่อนว่ามีมากหรือน้อย แต้มนี้เป็นเหมือนคะแนนบ่งบอกความชอบไม่ชอบของคู่ค้านะครับ ยิ่งมีแต้มบวกหรือ Positive Feedback มากความน่าเชื่อถือก็มากตามไปด้วย แต่ไม่ควรดูที่แต้มเพียงอย่างเดียว ให้ไล่อ่านประวัติ โดยคลิกที่ตัวเลขหลัง ID คนขายด้วยนะครับว่า เขาขายอะไร คนให้ความเห็นอย่างไรบ้าง บางทีแต้มเยอะๆอาจจะเกิดจากการ “ปั่น” หรือ “ขายสินค้าถูกๆ” เพื่อสร้างคะแนนก็เป็นได้ ดูให้ดีๆครับ
2. ดูเปอร์เซ็นต์ของ Feedback ปัจจัยนี้สืบเนื่องมาจากข้อบนครับ ถ้าเกินกว่า 98% หรือใกล้เคียง 100% ยิ่งดี ถ้าคนขายรายใดมีน้อยกว่านี้ให้หลีกห่างไปก่อน เพราะค่าเปอร์เซ็นต์นี้ อีเบย์คิดมาจากการเอาความเห็นด้านบวกของคู่ค้า หรือ Positive Feedback มาคำนวณนั่นเอง บ่งบอกได้ว่ามีคนพอใจกับคนขายรายนี้มากน้อยแค่ไหน มีมากไว้อุ่นใจก่อนครับ
3. ดูความเก๋าของคนขายจากวัน เดือน ปีที่ลงทะเบียน ปัจจัยนี้อาจจะไม่สำคัญเท่าไหร่ครับ แต่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะพวกที่จะเข้ามา “โกง” ส่วนใหญ่ ปัจจุบันมีเยอะครับที่สมัครเป็นสมาชิกอีเบย์ได้ไม่นาน และขายสินค้าตามกระแสที่กำลังฮิต เพื่อหวัง “โกย” กันเร็วๆ ดังนั้นดูไว้หน่อยก็ดี
4. ดู Detailed Seller Ratings ซึ่งเป็นอันดับจัดคะแนนจากผู้ซื้อที่ให้ไว้กับคนขาย ปัจจัยนี้อีเบย์เพิ่งนำมาใช้ได้ไม่นาน จะบอกถึงความพอใจของคนซื้อเป็นสัญลักษณ์รูปดาวสีส้มแทน โดยแยกความพอใจเป็นหัวข้อๆไว้ครับ เช่น รายละเอียดของสินค้า การตอบคำถามหรือสื่อสารกับคนซื้อ เวลาส่งของ รวมถึงค่าจัดส่งและหีบห่อ ถ้าได้ดาวมากก็พอใจมาก ดาวน้อยก็พอใจน้อยตามลำดับ ดังนั้น DSRs มีส่วนช่วยให้เราตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นครับ ถ้าอยากรู้ว่าคนขายแต่ละรายมี DSRs อย่างไรบ้าง ให้คลิกดูที่แต้มคะแนน Feedback หลัง ID คนขายครับ ส่วนของ DSRs จะอยู่ด้านขวามือสุด
5. ดูสัญลักษณ์ PowerSeller ซึ่งจะอยู่หลังแต้มคะแนนคนขาย เป็นรูปการ์ตูนคนสีน้ำเงินอยู่บนดาวสีเหลือง บอกให้ทราบว่าเป็นคนขายที่ได้การรับรองจากอีเบย์ซึ่งมียอดขายต่อเดือนมาก (เกิน $1,000) ได้แต้มคะแนนบวกตั้งแต่ 98% ขึ้นไป ค้าขายดีมีความน่าเชื่อใจสูง เห็นสัญลักษณ์นี้ก็เบาใจได้เปราะหนึ่งครับ ว่าคุณกำลังทำการซื้อของกับคนขายที่มีประวัติค่อนข้างดีกว่าชาวบ้าน (นิดหนึ่ง)
6. อ่านรายละเอียดสินค้าให้ดีก่อน บ่อยครั้งครับที่เราเห็นสินค้าลงขายถูกๆแต่อ่านไปอ่านมา กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่สินค้าที่ต้องการ เช่น อยากได้เครื่องเล่นเอ็มพีสามของนอกสักตัว กลับกลายเป็นว่าขายแค่เคสหรือรายชื่อคนขายซะอย่างงั้น ดังนั้นอ่านให้ดีนะครับ ว่าเขาขายอะไรกันแน่ คนขายที่บริสุทธิ์ใจมักจะเขียนรายละเอียดชัดเจน ไม่คลุมเครือ ถ้าอ่านแล้วงงๆไม่รู้ว่าเจ้าตัวขายอะไรกันแน่ ให้กดเมนู Ask Seller a question เพื่อถามให้ชัดเจนก่อนนะครับ จะได้มั่นใจมากขึ้นว่าเราต้องการซื้อสินค้า ไม่ได้ซื้อรายชื่อคนขายอย่างที่ยกตัวอย่างข้างต้น
7. ดูวิธีการชำระเงินให้ดี ผู้ขายบางรายรับชำระเงินด้วย PayPal ก็จริง แต่บางรายก็ระบุไว้ชัดเจนว่าไม่ใช้วิธีนี้ แต่จะเลี่ยงให้จ่ายด้วยวิธีอื่นแทน ดังนั้น อ่านให้ดีนะครับ จะได้ไม่ต้องโดนคนขายฟ้องอีเบย์ข้อหา “Unpaid Item” ภายหลัง
8. ดูความคุ้มครองการซื้อของประกาศขายชิ้นนั้น ถ้าคุณจะใช้ PayPal จ่ายเงิน อย่าลืมดูด้วยนะครับว่าประกาศขายสินค้านี้ได้รับความคุ้มครองการซื้อหรือไม่ ปกติถ้าจ่ายด้วย PayPal จะได้ความคุ้มครองการซื้ออยู่แล้วครับ ถ้ารายการใดมีมากถึง $2,000 ก็ยิ่งดี บ่งบอกได้ว่าคนขายรายนั้นอยู่ในระดับ Top Tier เลยทีเดียว ซึ่งอุ่นใจได้ว่าแม้คนขายจะโกง ก็ตามไปเอาเงินคืนได้
9. ดูว่ามีบริการส่งมาให้ที่เมืองไทยหรือไม่ สินค้าประมูลหรือ Buy It Now บางชิ้นบนอีเบย์ เห็นมีราคาขายถูกก็จริง แต่คนขายบางรายก็ไม่มีบริการจัดส่งมาให้ที่เมืองไทยครับ สังเกตุง่ายสุดให้ดูที่คำว่า Ship to : Wordwide บนหน้าประกาศสินค้า แบบนี้ก็พอเบาใจได้ว่า ถ้าเรากดประมูลหรือซื้อแล้วคนขายต้องส่งมาให้แน่นอน แต่ถ้าคนขายไม่ระบุไว้ ก็ถามได้เลยครับ เพราะบางรายก็ยอมใจอ่อนส่งให้เหมือนกัน
10. ดูค่าขนส่งมาเมืองไทย ปัจจัยนี้ดูด้วยนะครับ บางทีของที่เห็นว่าขายถูกบนอีเบย์ ส่งมาบ้านเราแล้วโดนค่าขนส่งจากคนขายเสียแพง แบบนี้ก็ไม่คุ้มครับ ซื้อบ้านเราก็ยังดีกว่าแถมยังได้รับการประกันสินค้าจากตัวแทนที่มีในเมือง ไทยได้ด้วย แต่ถ้าเทียบกันแล้วถูกกว่ามากก็น่าซื้อครับ
11. ดูภาษีที่จะต้องเสีย สินค้าที่ขายบนอีเบย์ผู้ขายที่มีประสบการณ์มักจะช่วยเหลือผู้ซื้อให้จ่าย ภาษีนำเข้าที่น้อยลง เป็นต้นว่า ระบุสินค้าเป็นชนิด Gift หรือของขวัญและตีราคาต่ำให้กว่าปกติ เพื่อให้มีการประเมินภาษีที่ถูกลง ดังนั้นอ่านรายละเอียดหรือถามคนขายให้แน่ใจนะครับ ว่าเขาจะจัดส่งมาให้อย่างไร ระบุสินค้าให้เป็นแบบไหน ระบุราคาอย่างไร เรื่องภาษีกับการสั่งซื้อสินค้าบนอีเบย์นี้ไม่แน่ไม่นอนครับ ถามหรือติดต่อคนขายก่อนส่งจะดีที่สุดครับ
12. ดูระยะเวลาและวิธีการส่งของ ผู้ขายบางรายจะระบุไว้ในรายละเอียดครับว่า ของจะจัดส่งทางวิธีไหนบ้าง ระบุระยะเวลากี่วัน ส่งทางไหนให้ได้บ้าง มีการประกันให้ด้วยหรือไม่ หากจะตามสินค้ามีหมายเลขพัสดุหรือ Tracking No. ให้ตรวจสอบหรือไม่ ข้อมูลเหล่านี้อ่านให้ดีก่อนจะประมูลซื้อครับ มีประโยชน์มากต่อการติดตามสินค้าและเหตุผลการทวงเงินคืน
13. เปรียบเทียบราคาจากเจ้าอื่น อย่าลืมว่าบนอีเบย์ไม่ได้มีผู้ขายรายเดียวนะครับ เลือกใช้คีย์เวิร์ดเพื่อค้นข้อมูลให้ครอบคลุม เพื่อดูสินค้าจากรายอื่นๆด้วย เพื่อเปรียบเทียบราคาและหาของแถมเพิ่มเติม คนขายบางรายก็ใจป้ำครั้บ แถมโน่นแถมนี่ก็มีเยอะ ดังนั้นเลือกดูจากหลายๆรายก่อนจะประมูลจะได้เปรียบมากกว่าดูแค่คนขายราย เดียว
14. เลือกเวลาประมูลให้เหมาะสม สินค้าบางรายการที่คุณอยากได้ ผู้ขายอาจเผลอให้ประกาศขายจบในเวลาดึกๆหรือช่วงที่คนนอนกันไปแล้ว ถ้าไปแย่งซื้อหรือประมูลเวลานี้ อาจจะได้สินค้าที่ถูกกว่าชาวบ้านมากครับ เพราะคนหลับนอนกันไปแล้ว โอกาสที่จะมีคนมาแย่งประมูลนาทีสุดท้ายก็มีน้อยตามไปด้วย ถ้าเทียบกับการประมูลช่วงกลางวันหรือหัวค่ำที่คนหนาแน่นมากกว่า
ปัจจัยทั้งหมดเป็นข้อแนะนำเบื้องต้นเท่านั้นนะครับ ไม่รับประกันว่าคนขายจะ “โกง”หรือ “ไม่โกง” คุณจะได้สินค้าบนอีเบย์ที่มี “ราคาถูก” หรือ “แพง” กว่าท้องตลาดบ้านเรา แต่ถ้ารู้จักพิจารณาเลือกซื้อของให้ดีก่อนก็จะดีกว่าไม่ใช่น้อยนะครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
การคุ้มครองผู้ซื้อสินค้าด้วย PayPal Buyer Protection
http://www.siampoint.com/ebay/ebay-buyer-guide/
Create Date : 02 เมษายน 2551 | |||
Last Update : 2 เมษายน 2551 9:54:17 น. |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น