Contact

เก็บเรื่องราวเอามาแบ่งปัน คุยกันแบบกันเอง Contact me: thoshiro @live.com or thoshiro007 @gmail.com
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สังคมออนไลน์ Social Network แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สังคมออนไลน์ Social Network แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

เว็บพันทิป กับการประท้วงของเหล่าสมาชิกเนื่องจากการสองมาตรฐาน

ลุกฮือในโลกคู่ขนาน

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 10:00:00 น.
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1301409898&grpid=01&catid&subcatid



โดย บุญชิต ฟักมี   


            สำหรับวงการสังคมออนไลน์ไทย พันทิป ดอต คอม เป็นตัวละครสำคัญที่ยากจะปฏิเสธ
 

ค่าที่เป็นเวบบอร์ดที่มีอายุยืนยาวเกือบที่สุดของวงการอินเทอร์เน็ทไทย ตั้งแต่ยุคโมเด็ม 14 K ถึงไฮสปีด 6M ด้วยอายุเกินสิบปี ตั้งแต่สมัยที่สมาชิกทั้งเวบรวมกันสามารถนั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันได้ในร้าน เดียว จนกระทั่งมีสมาชิกหลักหมื่นในทุกวันนี้

เวบพันทิป หรือพูดให้ถูก คือประชาคมพันทิป กระเพื่อมพลังสะเทือนออกมานอกจอหลายต่อหลายครั้งอย่างมีนัยยะ นับตั้งแต่การอุ้มชูหนังที่ทำท่าจะเจ๊งจนเป็นหนังระดับติดกระแสอย่าง "โหมโรง" ชุบชีวิตร้านหอยทอดลุงเตาถ่าน ไล่ล่าจับโกหกนักร้องเนปาลกำมะลอจนไปจบในเรือนจำ หรือถอดถอนโฆษณานับไม่ถ้วนที่ไม่ชอบด้วยจริตชุมชน

ในวันนี้ เวบพันทิปถูก "ท้าทาย" ครั้งสำคัญที่สุด จนน่าเสียดายหากจะปล่อยทิ้งหลงลืมโดยไม่มีการบันทึกไว้
นั่นคือการ "ลุกฮือ" ของผู้เล่นกลุ่มสำคัญ ที่ลุกขึ้นร้องถามความชอบธรรมในการดำเนินงานของผู้ดูแลเวบ หรือ Webmaster จนกระทั่งเกิดการปะทะกันเชิงอำนาจ ที่มีการสูญเสียสมาชิกภาพ (หรือเรียกลำลองว่า "อมยิ้ม") กันครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเวบนี้
เรื่องมันเริ่มจากการที่ สมาชิกท่านหนึ่ง วาดการ์ตูนล้อเลียนวัฒนธรรมการกิน "บุฟเฟต์" ไว้ในห้องก้นครัว ซึ่งเป็นห้องที่พูดคุยแลกเปลี่ยนว่าด้วยอาหารและร้านอาหาร การ์ตูนนั้นล้อเลียนพฤติกรรมการกินบุฟเฟต์ที่ไม่พึงประสงค์หลายอย่าง รวมทั้งเสียดสีพฤติการณ์ของ "สมาชิก" ขาใหญ่หลายคน ในรูปแบบของการ์ตูนล้อเลียน ซึ่งคนที่อยู่นอกแวดวงคงดูไม่เข้าใจ หรือถึงเข้าใจ ก็ยากแก่การระบุตัวคน

อย่างไรก็ตาม การ์ตูนนั้นถูกลบโดยทีมงานของเวบพันทิป ด้วยข้อกล่าวหาว่า มีคำหยาบคาย แม้ต่อมา ผู้วาดได้ไปแก้ไขเอาคำหยาบคายออกแล้วมาโพสต์ใหม่ในกลุ่มการ์ตูน (เพื่อป้องกันการลบโดยอ้างว่าผิดห้องผิดกลุ่ม) แต่กระทู้การ์ตูนนั้นก็ยังถูกลบอยู่ดี พร้อมกับ สมาชิกรายหนึ่งยื่นฟ้องต่อศาลอาญาธนบุรี ว่าผู้วาดการ์ตูนหมิ่นประมาทตน โดยขอให้ศาลลงโทษตามกฎหมายและบังคับให้จำเลยขอขมาตามคำขอแบบคดีหมิ่นประมาท ทั่วไป

คดีในศาลใช้เวลาต่อสู้กันเกือบปี ในขณะที่กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินคดี ฝ่ายโจทก์ก็ได้โพสต์ความคืบหน้าของคดีในลักษณะการ "เย้ย" ฝ่ายจำเลย รวมทั้งประการสำคัญที่สุด คือการอวดอ้างต่อบรรดาแฟนๆ ว่า จำเลยถูกศาลจับใส่กุญแจมือ

หากเมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลได้มีคำพิพากษา "ยกฟ้อง" จำเลย เนื่องจากโจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ให้ศาลเห็นได้ว่า ตัวการ์ตูนที่จำเลยวาดนั้นคือโจทก์ - กล่าวคือ ตัวการ์ตูนไม่มีลักษณะบ่งชี้ว่าเป็นใคร และโจทก์ก็ไม่ใช่คนเดียวที่ตั้งกระทู้ในเวบพันทิปชักชวนคนไปกินอาหารตามที่ ต่างๆ

เมื่อคำพิพากษาออกมาเช่นนั้น ฝ่ายจำเลยจึงมาประกาศแจ้งคำพิพากษาให้ผู้ใช้บริการคนอื่นๆในเวบดังกล่าวทราบ พร้อมกับนำเสนอภาพการทำอาหารเมนู "ฉลองอิสรภาพ" คือ มะระยำ ตำบอน และที่ฮือฮาที่สุดคือ "แลน" (หรือกล่าวให้สุด คือสัตว์ร่วมสกุล{Varanus} ของ "เหี้ย") ทอดสมุนไพร

ทว่าผลของกระทู้ดังกล่าว คือการระงับสมาชิกภาพของผู้ตั้งรวมทั้งลบกระทู้นั้นทิ้ง

ท่ามกลางเสียงคัดค้านโวยวายอย่างอึงอลว่ามีกลุ่มที่เรียกว่า "มาเฟีย" ในเวบพันทิป คือสมาชิกที่ได้รับการ "ให้ท้าย" จากกลุ่มผู้ดูแล  – เช่นในกรณีนี้ ที่ระหว่างฟ้องคดี ฝ่ายโจทก์จะเย้ยจะหยันจำเลยอย่างไรก็ทำได้ แต่เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีพ้นข้อกล่าวหา กลับถูกลบกระทู้และสมาชิกภาพ

และยังข้อกังขาของสมาชิก ว่าทางผู้ดูแลของเวบพันทิป ไปให้การในศาลในฐานะพยานฝ่ายโจทก์ ที่มีการเบิกความเป็นโทษเพื่อเอาผิดต่อจำเลยอย่างชัดเจนในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง

สมาชิกที่คัดค้านเรียกร้องดังกล่าว ถูกระงับสมาชิกภาพลงในทันที หลังจากโพสต์ข้อความไม่นาน
 

ตามด้วยการระงับสมาชิกภาพของสมาชิกกลุ่มที่คัดค้านว่า การระงับสมาชิกภาพแบบสาดมั่วของผู้ดูแลเวบนั้นเป็นการลุแก่อำนาจ สมาชิกบางส่วน ไปตั้งกระทู้เสียดสีผู้ดูแลพันทิป ด้วยการตั้งกระทู้ที่เกี่ยวกับ "เป็ด" (ตามภาพของการ์ตูนที่ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาวาดจนเป็นเหตุให้ถูกฟ้องร้อง)  แน่นอนว่า พวกเขาถูกระงับสมาชิกภาพในไม่กี่นาที
 

กระทั่งสมาชิกที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ที่โพสต์คำว่า "เป็ด" ในช่วงนั้น ก็ถูกระงับสมาชิกภาพไปด้วย หรือแม้แต่กระทู้ที่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกลบหายเช่นกัน
แม้ว่าผู้ดูแลเวบ – วรพจน์ หิรัฐประดิษฐกุล จะอ้างว่า การลบสมาชิกภาพและกระทู้ดังกล่าวว่า นอกจากจะเป็นไปเพื่อป้องกันมิให้สมาชิกถูกฟ้องเนื่องจากคดี "ยังไม่แพ้ชนะ" แล้ว ยังเนื่องมาจากภาพอุจาดวาดเสียวในการชำแหละแลนในกระทู้ต้นเหตุ แต่เหตุผลดังกล่าวก็ยังฟังไม่ขึ้นสำหรับสมาชิกกลุ่มใหญ่ รวมทั้งเป็นคำอธิบายที่ไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมายด้วย  ความอึดอัดคับข้องดังว่านั้นทำให้มีผู้ยื่นขอคืนสมาชิกภาพหลายราย พร้อมกับสมาชิกภาพที่ถูกระงับ และกระทู้ถูกลบเพราะ "ลองของ" ในแทบทุกนาที ในช่วงวันพฤหัส วันศุกร์ ต่อวันเสาร์

และในที่สุด การต่อต้านทวงถามหรือเสียดสีอันมีเนื้อหาข้อความหรือรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับ "เป็ด" ก็ลุกลามไปทุกกลุ่มทุกห้องในพันทิป มี “อมยิ้ม” หรือสมาชิกที่สังเวยตนเองบ้าง ถูกลบถูกยึด มีทั้งผู้ที่ใช้บริการมานานเกินสิบปี หลายคนเป็นที่รู้จักว่าเป็นผู้ตั้งผู้ตอบเวบที่มีคุณภาพ หรือเป็นผู้เผยแพร่สูตรและวิธีทำอาหารที่ได้รับการยอมรับ ทั้งหลายทั้งปวงก็ไม่รอดจากการ "สังหารหมู่อมยิ้ม" ของพันทิปในช่วงสองวันเดือดที่ผ่านมา
ต้องไม่ลืมว่า การสมัครเป็นสมาชิกเวบพันทิปนั้นเป็นเรื่องค่อนข้างยุ่งยากวุ่นวาย ผู้ใช้ต้องยืนยันตัวเองด้วยการแจ้งข้อมูลราษฎร์พร้อมหลักฐาน หรืออย่างน้อยคือหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ไปให้เวบพันทิปเพื่ออนุมัติการมี "ล็อกอิน" หรือชื่อสมาชิกภาพ

แต่กระนั้น จนถึงขณะนี้ มีผู้ถูกระงับสมาชิกภาพ (เรียกลำลองว่า ยึดล็อกอิน) หรือคืนสมาชิกภาพด้วยตนเองแล้วเกินกว่าร้อยชื่อ จะด้วยความเหลืออดต่อความอยุติธรรม หรือกระไรก็ตามแต่ รวมทั้งมีผู้เข้าร่วมกลุ่ม  "มั่นใจว่าคนไทยเยอะแยะไม่เชื่อมั่นมาตรฐานเว็บพันทิป" ที่เพิ่งตั้งขึ้นเมื่อวันศุกร์ เกินกว่าเก้าพันคน และเชื่อว่าน่าจะเกินหมื่นคนได้ภายในวันหรือสองวันนี้

สถานการณ์ยังไม่ถึงจุดจบ แม้จะคลี่คลาย ด้วยคำประกาศจากวันฉัตร ผดุงรัตน์ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของเวบพันทิป ว่า ได้รับทราบเรื่องแล้ว และมีนโยบายที่จะไม่ให้มีการ "ยึดล็อกอิน" พร่ำเพรื่ออีก รวมทั้งจะทำการคืนสมาชิกภาพให้ผู้ที่ถูกระงับสมาชิกภาพโดยไม่เป็นธรรมต่อไป ซึ่งคุณวันฉัตรได้อ้างว่าเหตุที่ฝ่ายผู้ดูแลได้กระทำการดังกล่าว ก็เนื่องจากเกรงว่าเวบพันทิปจะต้องถูกฟ้องตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ประกอบกับจะปรับปรุงระบบการลบกระทู้ยึดล็ออกอินให้เป็นธรรมดีขึ้นกว่านี้

แต่ก็ยังมีคนเข้าร่วมกลุ่ม "มั่นใจฯ ไม่เชื่อมั่นมาตรฐานเว็บพันทิป" อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการคืนสมาชิกภาพก็ยังมีปรากฎประรายจนถึงวันนี้

เพราะความกังขาก็ยังมี ทั้งประเด็นว่า มีสมาชิกกลุ่มที่เวบพันทิป "ให้ท้าย" อยู่ และได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด หรือสมาชิกบางคน ใช้วาจาเกะกะระราน ด่าทอ เย้ยหยัน สมาชิกคนอื่นอย่างชัดเจนเป็นที่น่ารังเกียจ แต่ก็ดูเหมือนกับว่า ทางพันทิปก็ยังรักษาสมาชิกภาพไว้ให้อย่างเหนียวแน่น (ล่าสุดสมาชิก "ขาใหญ่" ผู้นั้น ได้ตั้งกระทู้ในทำนองอวดอ้างว่าได้ไปกินข้าวกับกลุ่ม "มาเฟียพันทิป" หรือสมาชิกเก่าแก่รุ่นก่อตั้ง อย่าง "สบายอารมณ์" ท่ามกลางกระแสการลุกฮือของสมาชิกกลุ่มหนึ่ง)

ใคร่ขอบันทึกไว้ ในฐานะของเหตุการณ์ที่เป็นเรื่องฮือฮาในโลกไซเบอร์ไทย ที่อยากตั้งข้อสังเกตไว้ในฐานะที่มองเรื่องนี้ว่า "ไม่ธรรมดา" และอาจจะเป็น "บทเรียน" สำคัญ สำหรับการบริหารเวบต่อไปในทศวรรษต่อไปนี้
อันที่จริง ข้อกล่าวหาเรื่อง "มาเฟียพันทิป" หรือการใช้อำนาจไม่เหมาะสมของผู้ดูแลเวบนั้น ไม่ใช่ครั้งแรกๆ ที่เกิดเป็นประเด็นโต้เถียงร้องทุกข์ เรื่องนี้ถูกพูดจากล่าวหากันมาตั้งแต่ช่วงขวบปีแรกของเวบพันทิปเสียด้วยซ้ำ

หากแต่ในครั้งนั้น และครั้งที่ผ่านๆมา เสียง "ต่อต้าน" หรือยกประเด็นเรื่องมาเฟียในเวบนั้นมักจะเป็นเสียงข้างน้อยที่ถูกมองว่าเป็น พวกอกหักตีรวน หรืออย่างเก่งคือ เสียงก้ำกึ่ง หาใช่ฉันทามติของคนกลุ่มใหญ่เช่นในครั้งนี้

และเกิดในยุคที่การสร้าง "พื้นที่" บนโลกออนไลน์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก รวมทั้งเทคโนโลยีอื่นที่เริ่มจะรุกคืบเข้ามาเกลื่อนกลืนในช่องทางแสดงอัต ลักษณ์อย่าง "เวบบอร์ด" ได้บ้าง อย่างเช่นเฟซบุ๊คหรือทวิตเตอร์
 

ในยุคที่คำว่า "นายของเวบ" หรือ Webmaster อาจจะเป็นสิ่งล้าสมัย ด้วยถูกท้าทายด้วยคำว่า Social Network หรือสังคมออนไลน์ ที่ไม่มีใครเป็น "นาย" ใครเป็น "ข้า" ไม่มีใคร "ขึ้น" ใคร "ลง" ต่อกัน

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

Cookiecompany เรื่องของคนมีบาดแผลในสังคมอินเตอร์เน็ท

Cookiecompany เรื่องของคนมีบาดแผล
Posted by kittinunn , ผู้อ่าน : 505 , 15:37:39 น. http://www.oknation.net/blog/kittinunn/2009/07/28/entry-1


ใน โลกแห่งความจริง คงมีคนเฉพาะกลุ่มที่รู้จักชายหนุ่มหน้าตี๋วัย 27 ปีที่ชื่อ “โอ๋” หรือ “ชัยวัฒน์ ฉันทสกุลเดช” ซึ่งเป็นนักวิจารณ์มือถือชื่อดังคนหนึ่งที่โลดแล่นไปตามนิตยสารมือถือ และอุปกรณ์ไอที มาตั้งแต่ที่เขาเรียนหนังสืออยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

แต่สำหรับในโลกอินเตอร์เน็ต ชื่อของ cookiecompany ซึ่งเป็นที่รู้จักในห้องมาบุญครอง พันทิปด็อทคอม ในฐานะที่เขามักจะเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์อุปกรณ์มือถือ ซึ่งในช่วงนั้นหลายคนก็คงที่จะได้เห็นผลงานผ่านทางกระทู้ในเว็บไซต์พันทิปพอ สมควร

เรื่องโด่งดังที่สุด เท่าที่เคยได้สัมผัสตัวตนผ่านทางหน้าจออินเตอร์เน็ตก็คือ การที่เขาออกมาแฉถึงเครื่องโทรศัพท์มือถือที่ขายในศูนย์การค้ามาบุญครอง ว่ามีบางร้านจำหน่ายเครื่องที่ผ่านการดัดแปลง ผลจากการที่เขาออกมาแฉเป็นที่สร้างชื่อเสียง จนกระทั่งถูกทำร้ายร่างกายจากผู้เสียผลประโยชน์ในที่สุด

สารภาพตาม ตรงว่า นานมาแล้วในช่วงที่ผมสิงสถิตอยู่ที่ห้องเฉลิมไทย และร่วมกับเพื่อนที่ชื่อปีเตอร์จัดกิจกรรมช่วยเหลือหุ่นละครเล็กโจ หลุยส์ ผมเคยเห็นคุณโอ๋ พร้อมกับเพื่อนอีก 4-5 คนเข้าร่วมชมการแสดง แต่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมากนัก กระทั่งมีโอกาสชื่นชมเขาผ่านตัวอักษร ในช่วงที่เขาแฉร้านมือถือนี่แหละ

แต่จากนั้นเมื่อมีเรื่องการเมือง เข้ามาในพันทิป จนถูกแบนสมาชิกตลอดชีพ (พร้อมกับบล็อกที่เคยเขียนก็ถูกทางพันทิปปิดไปโดยปริยาย) แน่นอนว่าก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในสังคมของพันทิปอีกจนถึงตอนนี้ พร้อมกับเพื่อนสมาชิกที่เคยพูดคุยผ่านตัวอักษร และทำกิจกรรมร่วมกันหลายร้อยคน โดยหนึ่งในนั้นก็คือ cookiecompany

ช่วง นั้นชีวิตจมอยู่กับเรื่องการเมือง กระทั่งไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เวลาหยิบจับใบปลิวโฆษณาเครื่องแล็ปท็อป เมื่อได้เห็นรูปพร้อมคำพูดที่วิจารณ์ผลิตภัณฑ์ หรือเวลาหยิบจับนิตยสารไอทีแล้วเห็นชื่อเขาเป็นหนึ่งในกองบรรณาธิการ ก็นึกขึ้นได้ทันทีว่า “นี่พี่คุ้กกี้นี่นา...”

กระทู้ในเว็บบอร์ด เสรีไทย มีสมาชิกท่านหนึ่งได้โพสต์ลิงค์บทความชิ้นหนึ่ง ที่ว่าด้วยการจับโกหกบนโลกอินเตอร์เน็ต มีอยู่หลายกรณีทั้งเรื่องการจับโกหกผู้กำกับสาวรายหนึ่ง ที่อ้างว่าภาพยนตร์ของเขาได้รับรางวัลเทศกาลหนังเมืองคานส์ ซึ่งก็มีพันทิปนี่แหละที่ออกมากระชากหน้ากาก

แต่ที่ตกใจก็คือ กรณีที่คุณโอ๋ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น จากการที่เขาได้รับรางวัลในกิจกรรมโหวตรายการหนึ่ง แล้วในช่วงกลางคืนเขาได้ไปวิ่งออกกำลังกาย แถว รอบทะเลสาบคาวากุจิในช่วงกลางคืน เกิดหลงทางกลับโรงแรมไม่ถูก และบรรยากาศน่ากลัวมาก จึงโทรศัพท์ไปหาคอลล์เซ็นเตอร์ของมือถือค่ายหนึ่ง

นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา ประจำเดือนกรกฎาคม 2552 บทความที่ชื่อว่า “สายลับออนไลน์...จับคนโกหก” โดย ดร.ภิเษก ชัยนิรันดร์ ผมขออนุญาตนำเนื้อหาที่กล่าวถึงคุณโอ๋ดังต่อไปนี้

”กรณีที่สาม

เป็น กรณีที่ผมคิดว่าเป็นเรื่อง การใช้บล็อกเกอร์เพื่อสร้างเรื่องราวในเชิงการตลาดแบบแอบแฝงที่เรียกว่า Advertorial Ad แบบผิดๆ จนเกิดเรื่องเกิดราวกระหึ่มหน้า "มาบุญครอง" ของ www.pantip.com ทำให้เกิดการสูญเสียศรัทธาต่อบล็อกเกอร์คนนั้นอย่างที่เจ้าตัวคงไม่ได้คิด ว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตนเอง

บล็อกเกอร์รายนั้นมีนามแฝง ว่า cookiecompany ซึ่งเป็นบล็อกเกอร์ที่มีชื่อเสียงมากในการทำบทวิจารณ์โทรศัพท์มือถือ สร้างรายได้ให้เขาตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา จนมีแฟนคลับกลุ่มใหญ่ที่ใช้เนื้อหาบทความในบล็อกของเขาเพื่อใช้เป็นข้อมูลใน การตัดสินใจซื้อโทรศัพท์มือถือสักเครื่อง

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ cookiecompany ได้โพสต์กระทู้หัวข้อ "เกือบทิ้งชีวิตไว้ที่ป่าริมทะเลสาบข้างภูเขาฟูจิเมื่อคืน... ตีหนึ่ง กับความช่วยเหลือของคุณอมราภรณ์ DTAC 1678" ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เรื่องราวสรุปได้ว่า cookiecompany ไปเที่ยวญี่ปุ่น แล้วเข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่งบริเวณภูเขาฟูจิ จากนั้นเขาก็ได้ออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งในช่วงสี่ทุ่มเศษๆ แล้วเกิดการหลงป่าบริเวณนั้นไม่สามารถที่จะกลับมายังโรงแรมได้ ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องราวของการโทรศัพท์มือถือเพื่อทำให้ตนเองรอดจากการหลง ป่าครั้งนี้ โดยการโทรศัพท์ไปที่เบอร์ของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายหนึ่ง ซึ่งปลายสายเป็นพนักงาน Call Center ชื่อว่า อมราภรณ์ จากนั้นทางอมราภรณ์ก็ได้สอบถามถึงชื่อโรงแรมและจะติดต่อกับทางโรงแรมให้ จากนั้น cookiecompany ได้เดินต่อมาเรื่อยจนกระทั่งเจอสี่แยกแห่งหนึ่ง แล้วเขาก็ถ่ายรูปนี้ส่งกลับมาให้ทาง Call Center เพื่อให้รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ทาง Call Center ก็พยายามช่วยเหลือโดยโทรไปหาไกด์ของการเดินทางครั้งนี้และจากนั้น cookie company ก็รอการช่วยเหลือจนเกือบถึงตีสาม จนกระทั่งไกด์มาพบและช่วยเหลือ cookiecompany จากการหลงป่าครั้งนี้

เรื่องราวนี้ของ cookiecompany พยายามเน้นถึงการให้บริการของ Call Center ของผู้ให้บริการรายนี้ พร้อมเน้นเนื้อหาในเชิงลึกลับ จนดูเหมือนเรื่องราวเป็นเรื่องแต่งมากกว่าที่จะเป็นเรื่องจริง อีกทั้งมีกระทำการหลายๆ อย่างที่ดูเหมือนว่า cookiecompany พยายามให้คนเข้ามาอ่านกระทู้นี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนว่าให้ผู้อ่านพยายามช่วยกดกระทู้โหวต การพยายามโพสต์กระทู้ในหลายๆ หน้าของ www.pantip.com ซึ่งนอกเหนือจากหน้ามาบุญครองแล้ว จะไปโพสต์ที่หน้าหว้าก้อและโต๊ะเครื่องแป้ง รวมถึงพยายามแนะนำเนื้อหาของกระทู้นี้ผ่านทางระบบหลังไมค์ เพื่อกระจายข่าวไปยังสมาชิกรายอื่นๆ

เรียกว่าทำแทบทุกวิธีเพื่อให้คน เข้า มาอ่านเนื้อหาที่โพสต์มากๆ ซึ่งวิธีการนี้ก็ส่อพิรุธบางประการแล้วว่า ทำไมถึงต้องพยายามขนาดนี้ หากเป็นเพียงกระทู้ธรรมดากระทู้หนึ่ง

เรื่อง ราวมาเข้มข้นทะลุจุดแตกเมื่อ ว่านน้ำ สมาชิกคนหนึ่งของห้องมาบุญครอง ซึ่งถือเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นและทำการตรวจสอบ เนื้อหาของ cookiecompany โดยอาศัยหลักฐานจากภาพของ GPS ที่มาจากโทรศัพท์มือถือของ cookiecompany พบว่ามันไม่ใช่เส้นทางในป่า แต่กลับเป็นเส้นทางของถนนเลียบหาดในเมือง จึงสามารถสรุปได้ว่าการหลงป่าฟูจิครั้งนี้ก็เป็นเพียงการกล่าวเท็จเท่านั้น

ผลการพิสูจน์ของคุณว่านน้ำครั้งนี้ ทำให้ชีวิตของคุณ cookiecompany เรียกได้ว่าไม่มีทางเหมือนเดิม

จา กบล็อกเกอร์ที่มีคนติดตามจำนวนมาก กลับเป็นว่าแฟนคลับเข้าร่วมประณามการกล่าวเท็จครั้งนี้ และก็ลามไปถึงความน่าเชื่อถือของบทความในอดีตว่าที่วิพากษ์วิจารณ์โทรศัพท์ มือถือไปนั้น เขียนโดยสุจริตใจหรือมีอามิสสินจ้างใดที่ทำให้ได้เขียนถึงหรือไม่

แน่ ละครับ บางครั้งดูกลายเป็นการมองโลกในแง่ร้ายและเป็นการเหยียบซ้ำ cookiecompany แต่นั่นคือผลที่เกิดขึ้นคือชื่อเสียงที่สะสมมานาน ถูกทำลายป่นปี้ไม่มีเหลือ จนหลายคนใช้คำว่า cookie-company แทนคำว่าโกหก เหมือนกรณีของสมพงษ์ เลือดทหาร หากคุณผู้อ่านยังพอจะจำกันได้”

คนที่เล่นพันทิปอยู่บ่อยๆ คงไม่มีใครไม่รู้จักคนที่ชื่อ “ว่านน้ำ” สมาชิกเก่าแก่ประจำพันทิปแน่ๆ

ผม ตามอ่านกระทู้ต้นเรื่องเพื่อค้นหาข้อเท็จจริง ก็มีกระทู้สรุปเหตุการณ์ออกมา ซึ่งในกระทู้เดียวกันนี้ยังมีการออกมากล่าวถึงพฤติกรรมที่ไม่ชอบมาพากลของ สมาชิกผู้นี้อีกเป็นสิบเรื่อง ทั้งเรื่องเกี่ยวกับการวิจารณ์มือถือ เรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับผู้หญิง แล้วก็เรื่องความไม่ชอบมาพากลในกิจกรรมการกุศล

อ่านกระทู้นี้แล้วทำเอาออกอาการ “ตาแฉะ” กับสามร้อยกว่าความเห็นที่อยู่ในนั้น

ด้วย ความที่ผมเพิ่งรู้ความจริงในวันนี้ เห็นว่าสมาชิกพันทิปต่างช่วยกัน “กระทืบซ้ำ” กันไปเยอะแล้ว ด้วยความสงสารในฐานะที่เคยเห็นหน้าและรู้จักในโลกของตัวอักษร จึงไม่ขอประณามใดๆ ต่อไปในบล็อกแห่งนี้

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมต้องนำไปขบคิดก็คือ “บาดแผล” ที่เกิดจากการกระทำด้วยตัวของเขาเอง

ผม เชื่อว่าทุกคนย่อมมี “บาดแผล” ในใจด้วยกันทั้งนั้น ในโลกแห่งความเป็นจริงเราก็เคยทำผิดพลาดในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น นับประสาอะไรกับโลกเสมือนจริง ที่แม้บางคนจะไม่เปิดเผยตัว แต่ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลขึ้นมา ด้วยความที่โลกอินเตอร์เน็ตเป็นโลกที่เลือกได้ว่าจะเปิดเผยหรือปิดบังตัวตน

แน่ นอนว่าเมื่อพบเห็นเพียงแค่ตัวอักษร ไม่รู้หน้า ไม่รู้ใจ อะไรๆ ที่อ่อนโยนเมื่อพบหน้า มาถึงเพียงแค่ตัวอักษรก็กลับเป็น “แรง” ขึ้นมาได้

แต่ คงเป็นเพราะสังคมไทยที่มีเรื่องของความเกรงใจ และไม่อยากให้ “ความไม่โปร่งใส” กลายเป็นอุปสรรคในการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม มีหลายกรณีมักจะจบลงด้วยการ “ไม่เอาเรื่อง” ให้เป็นคดีความ เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องมาเกี่ยวพันกับปัญหา ทั้งๆ ที่ผู้เสียหายสามารถที่จะเรียกร้องสิทธิ์ในฐานะที่เขาเคยมีส่วนร่วม แต่ก็ต้องมองข้ามกันไปด้วยความเกรงใจ

การที่คุณโอ๋เลือกที่จะปิดตัว เองด้วยการหายหน้าหายตาไปจากสังคมออนไลน์ที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาหลายปี ผมคิดว่าในใจคุณโอ๋คงจะรู้สึกเจ็บปวด และการเอ่ยคำขอโทษใดๆ ออกมาในวันนี้คงเป็นเรื่องที่สายเกินไป เพราะวันนี้ภาพความทรงจำดีๆ ในตัวเขากลับต้องพังทลายลงด้วยบาดแผลจากจุดเล็กๆ กลายเป็นมะเร็งร้ายที่ลุกลามถึงชีวิตของเขา

และการเอ่ยคำขอโทษย่อม หมายถึง “ศักดิ์ศรี” ที่เขาอยากจะรักษาไว้ย่อมพังทลายลงไป ซึ่งหลักคิดเช่นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของ “อัตตา” หรืออีโก้ที่มีในตัวเองทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่อีกมุมหนึ่งสังคมพร้อมที่จะให้อภัยกับคนที่เคยทำตัวผิดพลาดไปแล้ว เพียงแต่ว่าเขาอาจจะหันมาองเรากันในแบบที่ไม่เหมือนเดิมอย่างที่เขาเคยเป็น ก็เป็นได้

ผมบอกได้คำเดียวว่า "เสียดาย" จริงๆ ครับ

############################################################################

Copy มาให้"อ่าน"ครับ

เครดิตคุณla-la-bellครับ

คดี 1 เครื่องทดลอง
ตอนนั้นเด็กหนุ่มเริ่มมีชื่อเสียงในการ review มือถือบ้างแล้ว แม้จะยังไม่ได้โด่งดังขนาดนี้
มีพีท่านหนึ่งใน mbk ได้เอาเครื่อง test / prototype ซึ่งเป็นเครื่องที่ยังไม่สมบูรณ์
มาลองใช้เพื่อที่จะได้ฟังว่ามีคำแนะนำเกี่ยวกับข้อบกพร่องอันใดบ้าง

ปรากฏว่าทางเด็กหนุ่มเมื่อทดลองใช้ แล้วก็เอาเครื่อง prototype ไปประกาศขาย
ทั้งๆที่ function ยังไม่สมบูรณ์ และเครื่องจริงยังไม่มีในตลาด
ข่าวรั่ว ทำให้โทรศัพท์รุ่นนั้นต้องออกก่อนกำหนด

ผลก็คือ
พี่ท่านนั้นต้องออกจากบริษัท (โดนไล่ออกหรือลาออก มะแน่ใจ)
รุ่นนั้นแทนที่จะเป็นรุ่นสุดยอด กลับเป็นรุ่นดองขายไม่ค่อยออกแทน

(แต่บางข่าวก็เหมือนได้ยินว่า มีการเอามือถือไปให้ดูในมีตติ้ง
แล้วมือถือนั้นก็หายไป
แล้วข่าวก็รั่ว ไปในตลาด วันรุ่งขึ้น เลยต้องทำให้มือถือออกก่อนกำหนด)

ป. ล. ได้ยินว่าหนุ่มคนนั้นเอาเครื่องเทสต์ มาประกาศขายเรื่อยๆ แต่เครื่องเทสต์ส่วนมาก function ไม่สมบูรณ์ ไม่มีประกัน ถ้าคนที่ซื้อรับได้ก็โอเคนะ แต่เห็นมีบางท่านบอกว่า เพื่อนซื้อเครื่องเทสต์จากเด็กหนุ่มไปแล้วเครื่องมันเอ๋อ พยายามติดต่อเด็กหนุ่มก็ปิดโทรศัพท์หนีหายจ้อย
---
แก้ เนื่องจาก ไม่รู้ว่าพี่คนนั้นลาออกหรือไล่ออกน่ะค่ะ

----------------------------------

คดี 2 ยำตีน
เด็กหนุ่มคนนั้นใฝ่ฝันความรู้เกี่ยวกับมือถือ
ได้เช่าพื้นที่ขายมือถือที่มาบุญครอง ชั้น 4
ได้วิชาความรู้ในการขาย และดัดแปลงเครื่องมากมาย
แต่ท้ายทีสุด ก็หักหลังคนที่เคยให้วิชา
มีคอลัมพ์ แฉ ด้านมือ มาบุญครอง ว่าทุกเครื่องยำ (เอ็งก็เคยยำมาก่อนแหละ)
ร่วมกับค่ายมือถือค่ายหนึ่ง
ได้ออกหนังสือพิมพ์ ทีวี และไปบรรยายที่อื่น
มีวันหนึ่ง ได้ไป mbk ชึ้น 4
เจอพี่ๆคนคุ้นเคย ถามกันว่า ทำไมไปให้สัมภาษณ์แบบนี้ . . . .
ผล . . . โดนยำตีน รุมสกรัมเล็กน้อย

พอเด็กหนุ่มคนนั้นออกมาได้ ก็แจ้งกับค่ายมือถือ ผล . . . ได้รักษาฟรี

ผลปรากฏว่า เด็กหนุ่มคนนั้นได้เป็นฮีโร่ ที่เจ็บเพราะแฉด้านมือของวงการ

---------------------------------

คดี 4 หักซิม

เด็กหนุ่มคนนั้น ซื้อซิม เป็นเลขสวยมาเป็นซิมเติมเงิน
ปรากฏว่าซิมนั้น ไม่สามารถจดทะเบียนได้
(เนื่องด้วยสาเหตุ... ซิมนั้นเป็นซิมเติมเงินที่มีชื่อจดทะเบียนยังเป็นชื่อคนอื่นเป็นเจ้าของอยู่
ถ้าไม่มีเอกสารโอนสิทธิ์จากเจ้าของเดิมก็จำไม่ได้)

เพียรพยายาม แสดงอิทธิฤทธิ์ให้ call center ของผู้ให้บริการคนนั้นช่วยต่างๆนานา ซึ่งโดยนโยบายก็ทำไม่ได้
ดังนั้น เด็กหนุ่มคนนั้น จึง หักซิมโชว์ ถ่ายรูปลงกระทู้

และ ก็มีกลุ่มสมาชิก ได้กลิ่นตุๆ ที่จับผิด รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของคดีหักซิม
มีการปะฉะดะ กันหน้ากระทู้
เหตุการณ์ปะทะรุนแรงขึ้น จนพันทิปต้องมาระงับเหตุ ด้วยการยึดอมยิ้ม 9 อัน
และเมื่อเคลียร์กันได้ ก็ได้อมยิ้มคืนกันทุกคน
เด็กหนุ่มคนนั้นเอาเหตุการณ์ที่ฝ่ายตรงข้ามโดนยึดอมยิ้ม มาเป็นข้อได้เปรียบตัวเอง
เห็นไหมว่าเขาถูก พันทิปยังเข้าข้างเด็กหนุ่ม ยึดอมยิ้มฝ่ายตรงข้ามเลย

แถม มีการไปเขียนไว้ ว่านัดไปโรงพักกันแต่กลุ่ม 5กุมาร (จริงๆมี 9 อมยิ้ม) วันที่ไปโรงพัก ไม่เห็นมีใครไปเคลียร์ที่โรงพักเลย (อ่านแล้วเราตีความว่า กลุ่มนี้ไม่แน่จริง)
(แต่หนึ่งในกลุ่ม 5 กุมารมีเขียนไว้ข้างล่าง คห. 170 แล้วว่า ... ตัวเด็กหนุ่มกับกลุ่มที่ปะทะกันตอนนั้น ไม่เคยนัดไปโรงพักเลย)

(ความเห็นส่วนตัว - นอกจากจะเก่งเรื่องสร้าง creditให้ตัวเอง ยัง discreditฝ่ายตรงข้ามได้แบบเนียนๆ)

ผล . . . มีกลุ่มหนึ่งได้ฉายาว่า 5 กุมาร และโดนมาจิกกัดเรื่อยๆ

--------------------------------

คดี 5 x-ray mobile

เด็กหนุ่มคนนั้น review มือถือ จนเป็นที่กล่าวขวัญอย่างมากในเวป
เด็กหน่มเลยได้ก่อตั้งเวปๆ หนึ่งขึ้นมา ชื่อ x ray mobile เวปไซดสำหรับมือถือโดยเฉพาะ
แล้ววันนึงเด็กหนุ่มก็มาประกาศว่า ขอบริจาคเงินเป็นค่าเวปหน่อย
คนบริจาคจะเป็นสมาชิก VIP และได้ที่ห้อยมือถือเป็นของตอบแทน

มีคนบางส่วนส่งเงินไปบริจาค
แต่ไม่มีการส่งของพรีเมียร์มมา (อ้าว เงินไปแต่ของไม่มา)
พอทวงถาม ก็ เฉยๆ

(มีการสังเกตว่า ช่วงนั้นเด็กหนุ่มดูจะไฮโซขึ้น มีถ่ายรูป กินข้าวร้านดูหรูหราขึ้นนะ)

ผล . . . ในที่สุด เวป xraymobile ก็ปิดตัวลงจนได้ คนที่บริจาคก็ไม่เคยได้ของ อะไรตามที่สัญญิงสัญญาไว้

--------------------------

คดี 6 หลอกสาว ??

จริงๆ ก็ไม่เกี่ยวกับ mbk เท่าไหร่

แต่ว่าออกจะเขียนหนังสือดี เป็นผุ้ชายอบอุ่นขนาดนี้
มีเหรอ ที่สาวๆ จะไม่เคลิบเคลิ้ม
แต่ . . . มีเพื่อนของสาวคนหนึ่ง
ไม่ปลื้ม อย่างแรง เพราะรู้สึกว่า เพื่อนเธอโดนหลอกใช้
อ่านได้ที่

http://www.geocities.com/lalabellja/cookies1.htm
---

ป.ล. เนื่องจากเวป geocities มักจะเดี้ยงบ่อยๆ
ให้ไปอ่านที่คห. 98 แทน หากกดแล้วมันไม่ขึ้น

----------------------------

คดี 7 iPhone VIP

ก็ เป็นตัวอย่าง ที่หนุ่มคนนั้น เก่งในเรื่องสร้างภาพ เอาผลประโยชนเข้าตัวได้เป็นอย่างดี

ในงานที่ทาง trueจะเปิดตัว iphone เด็กหนุ่มที่เป็น กูรู ของวงการมือถือ จะไม่ได้ไปในงานเปิดตัวได้กะไร
แต่ในเมื่อตัวเองซบอกเชียร์ค่ายหนึ่งอยู่ อยู่ๆ true จะมาเชิญให้ไปงานได้ไง
เด็กหนุ่ม เลยไปร่วมงานเปิดตัว iphone โดยไปลงทะเบียนหน้างานในฐานะ press (ของสำนักไหน ก็ไม่ทราบ)
แต่ เนื่องจากเด็กหนุ่มไปถึงงานช้า ป้ายpressหมด . . . ทางผู้จัดงานเลยต้องเอาป้าย VIP มาติดให้แทนป้าย press เพื่อทึ่จะให้เด็กหนุ่มเข้าร่วมงานได้

ผล.. เด็กหนุ่มคนนั้น เอามาเขียนใน blog ทำนองที่ว่าได้รับเชิญเป็น VIP ในงานเปิดตัว iphone ด้วยนะ
เอาสร้างเครดิตให้กับตัวเองได้ดีจริงๆ

--------------------------------

คดี 6 หลอกสาว

เนื่องจากเวปที่แนะนำ มักจะเดี้ยง bandwtich เกินบ่อยๆ

ขออนุญาตมาแปะ

อันนี้จาก blog ของคุกกี้
-----------

ผู้หญิงที่น่ารำคาญที่สุดในชีวิต


คุณคิดว่าคุณจะทนคบกับผู้หญิงแบบนี้ได้นานที่สุดเท่าไร ?

1. โทรหาคุณซ้ำ ๆ จนกว่าจะรับสาย แม้ว่าคุณจะยุ่งมาก หรือขับรถอยู่ก็ไม่ยอมเลิก ยิงเรื่อย ๆ จนกว่าจะยอมแพ้

2. แม้ว่าคุณจะบอกว่า "ทานข้าวกับคุณแม่อยู่ " "ขับรถอยู่บนทางด่วน" "งานเร่งมาก ๆ" "อาบน้ำอยู่" แต่ผู้หญิงคนนี้ก็จะชวนคุยต่อเสมือนว่าคุณไม่ได้พูดอะไรเลย

3. โทรหาตามใจตัวเอง แม้ว่าจะเป็นเวลาตี 1 - ตี 2 ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผมนอนอยู่ห้องเดียวกับคุณแม่

4. พยายามหาวิธีติดต่อเพื่อน ๆ ผม เพื่อโทรไปหาข้อมูลว่าผมทำอะไรอยู่ สนิทกับใคร มีนัดอะไรวันไหน แล้วก็ไปเล่าให้คนอื่น ๆ ฟังเพิ่มว่า เธอรู้ตารางชีวิตผมหมดเลยนะ

5. แล้วก็ตามไปโผล่ตามสถานที่ที่ผมไป แทรกเข้าไปแนะนำตัวกับคนร่วมโต๊ะผม นั่งร่วมโต๊ะทั้งที่ไม่รู้จักกัน และครั้งถัดมาก็โทรหาเพื่อนผมที่เพิ่งเจอกัน เพื่อขอตามมาเจอผม

6. เมื่อตามหาตัวผมไม่เจอ ก็บุกไปที่ทำงานหรือสถานที่ที่เพื่อนผมทำงานอยู่

7. ตื๊อพยายามชวนไปข้างนอก ดูหนังกินข้าว ทั้งที่วันนั้นผมมีนัดล่วงหน้านานแล้ว แต่ก็หาทางให้ผมเลิกนัดอื่น แม้จะเป็นการขับรถพาคุณแม่ไปธุระก็ตาม

8. คุยเรื่อง Dirty Joke ทั้งที่รู้ว่าผมเกลียดมุขตลกสกปรกฝรั่ง

9. ทุกครั้งที่เจอหน้าจะทักว่า "อ้วนขึ้นนะ" "สิวขึ้นอีกแล้ว" "ผมรุงรังมาก" "ทำไมดำกว่าเดิม" "แต่งตัวไม่ได้เข้ากันเลย"

10. ทั้งที่ผมบอกไปแล้วว่าผมรำคาญอะไรบ้าง บอกไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ปรับแก้ไขนิสัยได้ไม่เกิน 7 วัน

เมื่อ หลายปีก่อน ผมเคยรู้จักกับผู้หญิงที่เป็นแบบนี้ทั้ง 10 ข้ออยู่หนึ่งคน ภายหลังรู้จักกันในช่วงเวลาไม่นานนัก ผมก็โดนเพื่อนรุมด่า เพราะผู้หญิงคนนี้ไล่หาเบอร์โทรเพื่อนผม แล้วโทรไปทีละคน ๆ

และ ทั้ง 10 ข้อที่ผมเจอนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็ใช้กับเพื่อน ๆ ผมด้วย ไม่ใช่แค่นั้น คนที่บ้านผมก็ยังรำคาญผู้หญิงคนนี้มาก ก็ด้วยเหตุผลที่เขียนมานี่ละ

แต่ที่มหัศจรรย์สุด ๆ ก็คือผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้ผมรำคาญ และคนรอบข้างผมก็รำคาญมากพอกัน จนผมโดนด่าว่าทำไมปล่อยให้คน ๆ นี้ก่อกวนชีวิตพวกเขาหนักมาก ๆ

เมื่อผมยกเรื่องนี้มาพูด ผู้หญิงคนนี้ก็จะร้องไห้แล้วเล่นบทนางเอกทันทีว่า แค่อยากรู้จักเพื่อนผม แค่คุยเฉย ๆ ทำไมทุกคนต้องรุมใส่ร้ายเธอด้วย

แล้วพอผมไปเล่าให้ เพื่อนฟังแบบนี้ ผมก็โดนเพื่อนด่าซ้ำ หลังจากนั้นมันก็เกิดขึ้นอีก จนเพื่อนผมต้องยื่นคำขาดว่า จะหนีผู้หญิงคนนี้ไปให้พ้น ๆ หรือว่าจะเลิกคบกับพวกเขาแทน

ผู้หญิงคนนี้ทำให้ผมเกลียดผู้หญิงไปพักใหญ่ ๆ ทำให้ผมรู้สึกว่าผู้หญิงมันเป็นตัวน่ารำคาญทั้งโลก

ผม จำได้ว่าเพื่อน ๆ น้องสาวและแม่ผมด่าผู้หญิงคนนี้หลายครั้ง และผมก็ไม่คิดว่า ในชีวิตนี้ จะมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้แม่ผมต้องด่าแบบนี้ซ้ำ ๆ อีกด้วย 10 ข้อที่ว่ามานี้

อ่านจบแล้วคิดว่าไม่น่าเชื่อใช่ไหมครับ...

ผมเองก็ไม่อยากเชื่อว่าในชีวิตผมจะเจอผู้หญิงแบบนี้ แม่ผมเองก็ยังไม่อยากเชื่อเลย

Create Date : 27 กรกฎาคม 2551
Last Update : 27 กรกฎาคม 2551 1:51:19 น. 13 comments
---

(ขอลง link เพื่ออ้างอิงเฉยๆ เพราะว่าจริงๆ ก็ไม่อยากไปเพิ่มจำนวนคนเข้าดูสักเท่าไหร่

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=cookiecompany&month=07-2008&date=27&group=3&gblog=37 )